Tag Archives: บริษัทผลิตรถยนต์

เชฟโรเลต เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา

เชฟโรเลต เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา ในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเจนเนอรัล มอเตอร์ส เชฟโรเลตมีชื่อย่ออย่างไม่เป็นทางการว่า เชฟวี (Chevy) เชฟโรเลตผลิตรถยนต์ออกมาหลายรุ่น โดยรุ่นที่นิยมมากของเชฟโรเลตคือ อิมพาลา และ คอร์เวตต์

เชฟโรเลต์ก่อตั้งโดย หลุยส์ เชฟโรเลต์ และ วิลเลียม ซี. ดูแรนต์ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1911 ได้เข้าสู่ตลาดบริษัทรถยนต์ และในปี ค.ศ. 1916 เชฟโรเลต์ทำกำไรมากพอทำให้ ดูแรนต์ได้ซื้อหุ้นส่วนของบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส และในปี ค.ศ. 1917 ดูแรนต์ได้กลายมาเป็นประธานบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ และเชฟโรเลต์ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท

เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2543 โดยเป็นหนึ่งในเครือของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินงานในฐานะเป็นผู้จัดสรรรถยนต์ที่ผลิตขึ้นภายใต้ชื่อและสัญลักษณ์ ทางการค้า “เชฟโรเลต” เพื่อจัดจำหน่ายในประเทศไทย ผ่านเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายของบริษัทฯ ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 94 รายทั่วประเทศ โดยมีโชว์รูมและศูนย์บริการ ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 76 จังหวัด

มาสด้า เป็นบริษัทผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น

มาสด้า เป็นบริษัทผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น มีฐานการผลิตที่เมืองฮิโรชิมา มาสด้ามีกำลังผลิตรถยนต์ประมาณ 800,000 คันต่อปี และเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับที่ 17 ของโลก โดยวางขายในทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป และทวีปอเมริกาเหนือ ในอดีต มาสด้าในญี่ปุ่นได้มีการแยกประเภทตัวแทนจำหน่ายและยี่ห้อรถยนต์เช่นเดียวกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ในญี่ปุ่น โดยอมาติ แองฟินิและยูโนส เป็นเครือข่ายและยี่ห้อสำหรับรถยนต์ระดับหรู ส่วนออโต้แซมนั้นเป็นเครือข่ายและยี่ห้อสำหรับรถยนต์ประเภท K-Car แต่ในปี 1996 ทางมาสด้าได้ยกเลิกยี่ห้อรถยนต์เหล่านี้เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน แต่ยังมีตัวแทนจำหน่ายในชื่อนั้นๆ เหลืออยู่ในญี่ปุ่น แต่ก็มีน้อยมาก

ในประเทศไทย เคยนำรถยนต์ในเครือข่ายดังกล่าวมาขายโดย โดยเป็นรถของยี่ห้อออโต้แซม โดยที่นำมาขายคือ ออโต้แซม โดยตั้งชื่อในไทยว่า มาสด้า 121 แต่ด้วยความที่ไม่พร้อมจะทำตลาดอย่างจริงจัง จึงเลิกขายไป มาสด้าก่อตั้งโดยช่วงแรกทำธุรกิจเครื่องจักรกลส่วนประกอบยานพาหนะ และผลิตอาวุธให้กองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง บริษัทเปลี่ยนชื่อเป็น “มาสด้า” แต่ได้ผลิดรถยนต์มาสด้าคันแรก รถยนต์สี่ล้อรุ่นแรกคือรุ่น มาสด้า R360

เครื่องบินบี 29 “อีโนร่า เกย์” ได้ทิ้งระเบิดลงที่เมืองฮิโรชิม่า เมืองที่ตั้งของโรงงานมาสด้าในปัจจุบัน ในวันนั้นก็ตรงกับวันเกิดของ จูจิโร่ มัตซึดะ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งมาสด้าพอดิบพอดี“ ฮานส์ ไกลเมลล์ บรรณาธิการฝ่ายเอเชีย ของ ออโตโมทีฟ นิวส์ เขียนบทความไว้น่าสนใจ โดยกล่าวว่า “มาสด้า รอดพ้นจากระเบิดนิวเคลียร์ เพียงเพราะเส้นผม” โดยเขาได้รับรู้จากการไปเยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ผ่านการบอกเล่าของผู้เชี่ยวชาญ โดยมาสด้าเองก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมากนัก “อีโนร่า เกย์” ได้ทิ้งระเบิดลงที่เมืองฮิโรชิม่า เมืองที่ตั้งของโรงงานมาสด้าในปัจจุบัน ในวันนั้นก็ตรงกับวันเกิดของ จูจิโร่ มัตซึดะ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งมาสด้าพอดิบพอดี ของเช้าวันนั้นมัตซึดะ ได้เดินทางเข้าไปในย่านใจกลางเมืองเพื่อที่จะตัดผม โดยขณะที่เขากำลังเดินเข้าใกล้ประตูร้าน ก็มีคนจะเดินเข้าไปตัดผมด้วยเช่นกัน แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยยอมใคร เขาจึงรีบสาวเท้าและเข้าไปในร้านได้ก่อนชายคนนั้นเพียงเสี้ยววินาที โดยเขาใช้เวลาตัดผมไม่นานนักก็กลับไปขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อ ระเบิด “ลิตเติลบอย” ก็ได้สัมผัสกับพื้นของเมืองฮิโรชิม่าซึ่งจุดที่ระเบิดตกอยู่ห่างจากร้านตัดผมที่มัตซึดะเพิ่งใช้บริการไปเพียงแค่ 50 หลาเท่านั้น และลูกไฟขนาดมหึมาก็ได้เผาทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ซึ่งแรงระเบิดส่งผลไปถึงรถที่มัตซึดะนั่ง ทำให้เขาและคนขับถึงกับกระเด็นออกไปนอกรถเลยทีเดียว แต่โชคดีที่เขารอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ โดยจุดที่เขาประสบเหตุก็คือที่ตั้งของมาสด้า ซูม-ซูม สเตเดี้ยม และเป็นบ้านของทีมเบสบอล ฮิโรชิม่า โตโย คาร์ป โปรเฟสชันแนล ในปัจจุบันนั่นเอง ขณะที่โรงงาน และสำนักงานใหญ่ของ มาสด้า ซึ่งขณะนั้น มีชื่อว่า “โตโย โคเกียว คอปอเรชั่น” กลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากแรงระเบิดดังกล่าว ซึ่งเป็นเพราะภูมิประเทศมีลักษณะเป็นภูเขาล้อม จึงเป็นเกราะกำบังอย่างดีต่อแรงระเบิด รวมถึงอุณหภูมิความร้อน แต่ที่เสียหายนั้นเกิดจากการโจมตีทางอากาศในช่วงปลายสงคราม หลังจากสงครามโลกผ่านพ้นไป จูจิโร่ มัตซึดะ ยังคงดำรงตำแหน่งประธานบริหาร ก่อนส่งผ่านไปยังบุตรชายผู้ที่รอดชีวิตจากแรงระเบิดในครั้งนั้นของเขา ที่ชื่อ ทัสซูนิจิ มัตซึดะ ซึ่งอีก 7 ปีต่อมาโรงงานขนาดเล็กภายใต้การนำของทัสซูนิจิ ก็มีศักยภาพเพิ่มขึ้นจนสามารถสร้างรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้เป็นครั้งแรก“